Sunday, 26 March 2023

กลุ่ม LGBT และผู้หญิงเรียกร้องให้ขจัดปัญหากีดกันทางเพศในกาตาร

ฟุตบอลโลก การ์ต้า ในเวลาที่ กาตาร์ กำลัง รับหน้าที่ เจ้าของงานจัดแจงแข่งขันฟุตบอลโลกที่จะเปิดฉากขึ้นวันที่ 20 พฤศจิกายนนี้ หัวข้อ ด้าน สิทธิมนุษยชน ใน ประเทศ ก็ กำลัง ได้รับ ความสนใจ ชาวกาตาร์ 2 คนเล่าให้บีบีซีฟังว่ากฎหมายศาสนาที่เอาจริงเอาจังของกาตาร์มีผลกระทบต่อ ชีวิต ประจำวัน ของพวกเขาอย่างไรใน ฐานะ บุคคล ผู้มีความมากมายทางเพศ (LGBT) และผู้หญิง

อาซิสขยับตัวไปมาด้วยความประหม่าในเวลาที่คุยทาง ออนไลน์ จาก กรุงโดฮา กับ ทีม ข่าวบีบีซี เขาอยากออกมาบอกกับสื่อ แต่ว่าก็แจ่มแจ้งว่าเขาต้องใช้ความกล้าหาญชาญชัยเป็นอย่างมาก และมีท่าทีเคร่งขรึมตลอดการสนทนา

“ผม อยากให้ การ มี ชีวิต อย่าง ผม ไม่เป็น เรื่องผิด กฎหมาย ใน ประเทศ ของผม” อาซิส พูด ด้วย น้ำเสียง ทุ้มต่ำ “ผม อยาก ให้ มี การปฏิรูป ที่ ระบุว่า ผม สามารถ เป็น เกย์ ได้ โดย ไม่ต้อง กังวล ว่าจะ ถูกฆ่า “

อาซิส เล่าว่า ความรู้สึกหนักใจที่เขาต้องเผชิญอยู่วันแล้ววันเล่ามาจากการถูกจ้องอยู่ตลอดเวลา และบางครั้งการพลั้งปากพูดบางสิ่งกับคนผิดคนก็บางทีอาจทำให้เกิดการถูกจับตัว หรือถูกทำร้ายโทษฐานเป็นเกย์

“ความแตกต่างระหว่างการอยู่ในกาตาร์กับนอก กาตาร์ คือ ในเมืองนอกกฎหมายจะเข้าข้างคุณ” เขาเล่า

“ถ้าใครทำร้ายคุณ คุณสามารถไปที่สถานีตำรวจ และจะได้รับการคุ้มครอง แต่ที่ประเทศนี้ หากเกิดอะไรขึ้นกับผม ผมอาจตกอยู่ในอันตรายมากขึ้นหากไปหาตำรวจ”

ใน รายงาน ที่ ออกมา เมื่อเดือนที่แล้วขององค์กร เพื่อ สิทธิ มนุษยชน ฮิวแมนไรท์วอทช์ระบุว่า กรุ๊ป LGBT ในกาตาร์กลายเป็นเป้าการคุมขังตามใจชอบของเจ้าหน้าที่ฝ่ายความยั่งยืนมั่นคง รวมถึงต้องเผชิญการคุกคามทั้งทางคำพูดและทางร่างกาย

LGBT ฟุตบอลโลก สิทธิสตรี

ฟุตบอลโลก การ์ต้า 2022  กลุ่ม LGBT และผู้หญิงเรียกร้องให้ขจัดปัญหากีดกันทางเพศในกาตาร์

เพราะฉะนั้น การเป็นเจ้าภาพจัดมหกรรมบอลโลกก็เลยทำให้กาตาร์ถูกสื่อตะวันตกตรวจตราอย่างใกล้ชิดถึงประเด็นสิทธิมนุษยชนของกลุ่ม LGBT

ถึงแม้บอลโลกจะช่วยให้หัวข้อนี้ได้รับความพอใจจากนานาประเทศ แต่ว่าอาซิสชี้ว่ามันยังส่งผลให้กลุ่มผู้มีความมากมายทางเพศในกาตาร์มีความเสี่ยงมากขึ้น

เขาเล่าว่า “ตอนนี้ผมเห็นคนพูดต่อต้านชาว LGBT ทางออนไลน์เพิ่มขึ้น โดยบอกว่าพวกเราน่ารังเกียจและขัดต่อหลักศาสนา”

นอกเหนือจากนั้นเขายังคิดว่า การพูดคุยกันหัวข้อนี้ยังถูกเอ๋ยถึงในทางไม่ดีในต่างประเทศด้วย

“พวกเขาถามว่า ‘พวกเราจะปลอดภัยไหมถ้าไปกาตาร์แล้วเป็นตัวของตัวเองโดยที่ไม่ถูกจับ หรือดำเนินคดีตามกฎหมายกาตาร์’ แต่พวกเขาไม่ได้เป็นห่วงพวกเราเลย และกฎหมายพวกนี้จะอันตรายกับพวกเราแค่ไหน”

ทางการกาตาร์เน้นย้ำว่า เปิดรับแฟนบอลทุกคนในตอนการแข่งขันบอลโลก แต่ว่าพวกเขาก็ควรต้องแสดงความเคารพและวัฒนธรรมของกาตาร์ด้วย

อาซิส เกรงว่าความสำเร็จของมหกรรมบอลโลกครั้งนี้จะนำเสนอภาพของประเทศสุดที่รักความสนุกสนาน และทำให้ไม่เกิดการเปลี่ยนแปลงขึ้นในกาตาร์

ในสหราชอาณาจักร บีบีซีได้คุยกับ เซนับ (นามสมมุติ) ซึ่งแม้จะอาศัยอยู่ที่นี่แล้ว แต่ว่าเธอก็ตื่นตระหนกว่าการเปิดเผยตัวตนสำหรับการให้สัมภาษณ์ครั้งนี้จะมีผลกระทบต่อครอบครัวของเธอที่อยู่ในกาตาร์

 

เธอบอกว่าแนวความคิดอนุรักษนิยมทางศาสนาที่อยู่ในกฎหมายกาตาร์ทำให้เกิดโทษและส่งผลเสียรวมทั้งไม่ดีต่อสุขภาพที่เกี่ยวข้องทางจิตของเธอ ถึงขนาดที่ทำให้เธอเคยพยายามฆ่าตัวตาย

เซนับชี้แจงว่า ระบบที่ผู้หญิงต้องมีผู้ปกครองชายนั้น ทำให้ผู้หญิงเป็นเด็กไปชั่วชีวิต

“การจะตัดสินเรื่องสำคัญในชีวิต คุณจะต้องได้รับหนังสืออนุญาตเป็นลายลักษณ์อักษรจากผู้ปกครองชาย ซึ่งปกติมักเป็นพ่อ แต่หากพ่อเสียชีวิตไปแล้ว ก็จะเป็นลุง พี่ชายน้องชาย และปู่หรือตา”

“ถ้าคุณไม่ได้รับอนุญาตก็จะไม่สามารถตัดสินใจเรื่องใหญ่ ๆ ได้ ไม่ว่าจะเป็นการเข้าเรียนมหาวิทยาลัย ไปศึกษาในต่างแดน เดินทาง แต่งงาน หรือหย่าร้าง”

ฟุตบอลโลก การ์ต้า

เธอเล่าว่าการมีพ่อหัวอนุรักษนิยมทำให้เธอไม่สามารถดำรงชีพอย่างที่ปรารถนาได้

เธอไม่อยากที่จะให้บีบีซีเปิดเผยรายละเอียดถึงเหตุการณ์ที่ได้เจอมา เนื่องจากว่าไม่ต้องการให้คนใดกันรู้ว่าเธอเป็นคนใดกัน ซึ่งจะสร้างปัญหาให้ครอบครัวของเธอ

เซนับบอกว่า ระบบนี้ทำให้ผู้หญิงต้องทนทุกข์ทรมานจากการควบคุมบังคับของคนในครอบครัว และกฎหมายที่เอาจริงเอาจังของกาตาร์ก็ทำให้กลุ่มผู้มีแนวความคิดอนุรักษนิยมพอใจ

“พวกเขาเชื่อว่าแนวคิดเรื่องสิทธิสตรีเป็นแนวคิดตะวันตก และขัดต่อค่านิยม วัฒนธรรม และธรรมเนียมของอิสลาม”

เจ้าหน้าที่กาตาร์ผู้ ทำงาน ในมหกรรมบอลโลกครั้งนี้บอกว่า เสียง วิพากษ์วิจารณ์ ต่อกาตาร์เกิดจากการได้รับข้อมูลที่ไม่ถูกต้องและเพียงพอ

 

แนวความคิดดังที่กล่าวผ่านมาแล้วสะท้อนจากปากของนิสิตหญิง คนหนึ่ง ที่ ชื่อ โมเซลลา ซึ่งพูดว่า “เราไม่มีความจำเป็นที่จะต้องให้ องค์กร ตะวันตก มาที่นี่ เพื่อ บอกว่าเราควรจะทำอะไรและไม่ควรจะทำอะไรบ้าง”

“นี่คือ ประเทศ ของเรา เรา ต้อง ได้รับ โอกาส ในการ พัฒนา ตาม แนวทาง ที่เรา เห็นว่า เหมาะสม ไม่ใช่ แนวทาง ที่ ผู้อื่น สั่งมา”

แต่ เสียงคนกาตาร์ที่วิจารณ์ประเทศตนเองนั้นถูกเซ็นเซอร์อย่างหนัก และอย่างที่เรามองเห็นในบทสัมภาษณ์นี้ว่าผู้ที่ออกมาวิพากษ์วิจารณ์กาตาร์ต่างหวาดกลัวถึงผลพวงที่จะเกิดขึ้นกับตน แม้ว่าจะเป็นการพูดถึงเรื่องสิทธิมนุษยชนพื้นฐานที่พวกเขาควรมีก็ตาม

 

รายงานเพิ่มเติมอีกโดย แฮร์รี ฟาร์ลีย์

ขอขอบคุณสำนักข่าว BBC